วัดถ้ำเสือ (Tiger Cave Temple) ถือเป็นอีกหนึ่งวัดที่มีวิวธรรมชาติ และพระอาทิตย์ตกที่สวยงามติดอันดับต้นๆ ของประเทศไทย เป็นที่รู้จักกันดีในกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่มาเยือนกระบี่ (Krabi) จังหวัดทางตอนใต้ที่มีท้องทะเลอันงดงาม และพื้นป่าที่ยังคงความอุดมสมบูรณ์
นอกจากธรรมชาติที่งดงามแล้ว บนยอดเขาความสูง 309เมตรแห่งนี้ ยังเป็นที่ประดิษฐานพระธาตุเจดีย์ (Pagoda) องค์พระใหญ่ (Big Buddha) และรูปจำลองสิ่งศักดิ์สิทธิ์อื่นๆ อีกด้วย
การขึ้นไปบนยอดเขาวัดถ้ำเสือ ต้องใช้วิธีการเดินเท้าขึ้นบรรไดทั้งหมด 1,260ขั้น โดยมีระยะทางประมาณ 600เมตร ซึ่งในวันนี้ผมได้เริ่มเดินขึ้นตอน 16:00น เพื่อให้ทันช่วงพระอาทิตย์ตก
ก่อนเริ่มเดินควรยืดเส้น ยืดสาย (Warm up) ก่อนขึ้นสักนิด! ตรวจสอบสิ่งของให้ครบถ้วน กล้องถ่ายรูป มือถือ และน้ำดื่ม (สำคัญมากสำหรับคนที่ไม่ได้ออกกำลังกายเป็นประจำ)
ในช่วงต้นทาง เพื่อนๆ จะพบกับแก๊งลิงป่าที่คอยจ้องจะขโมยของที่นักท่องเที่ยวที่ถือมา เพราะมันคิดว่าเป็นของกินนั้นเอง… เพราะฉนั้นตอนเดินผ่านพวกมัน ต้องเพิ่มความระมัดระวังกันด้วยนะครับ
พระธาตุเจดีย์ระฆังใหญ่ ที่ขนาดยังก่อสร้างไม่เสร็จ ก็เปล่งประกายความงดงามออกมาให้เห็นกันแล้ว (ในอนาคตถ้าสร้างเสร็จแล้ว รบกวนเพื่อนๆ ส่งข่าวมาให้ด้วยน้า…)
ผมค่อยๆ เดินขึ้นมาจนเกินครึ่งทาง… เงยหน้ามาเจอบันได 70° จุดนี้เข้าไป!! ขอจอดพักทำใจ ถ่ายรูปวิวเล่นแพ๊บครับ ^_^”
หลังจากพักดื่มน้ำ สูดอากาศ เช็คเหงื่อเรียบร้อย… เดินขึ้นบันไดต่ออีกหนึ่งอึดใจ เราก็มาถึงยอดเขาพระบาท พระธาตุ วัดถ้ำเสือ จังหวัดกระบี่ โดยผมใช้เวลาเดินขึ้น 1ชั่วโมงถ้วน!!
ความเหนื่อยล้า และเหงื่อทั่วร่างกาย ถูกแทนที่ด้วยลมเย็นๆ ที่พัดมาอย่างต่อเนื่อง… พร้อมกับบรรยากาศที่ล้อมรอบไปด้วยวิวป่า เขา และทะเล
สถาปัตยกรรม ประติมากรรมไทย เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่สามารถหาชมได้จากบนยอดเขา… องค์พระพิฆเนศที่มีดวงตาสีทองสวยงาม
พระธาตุเจดีย์ และพระพุทธรูปสีทององค์ใหญ่ ประดิษฐานโดดเด่น เป็นเอกลักษณ์ของยอดเขาวัดถ้ำเสือแห่งนี้
นอกจากนี้… เพื่อนๆ ยังสามารถเดินไปตามจุดต่างๆ เพื่อเลือกชมวิวธรรมชาติป่า เขา ทะเล ของกระบี่ได้ทั้งแบบ 360° View & Panorama View
ส่วนประวัติความเป็นมานั้น… ในอดีตวัดแห่งนี้มีชื่อว่าสำนักสงฆ์หน้าชิง และถูกเปลี่ยนเป็นวัดถ้ำเสือ เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2533 เพื่อเปิดเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมวิปัสสนากรรมฐานจนเป็นที่รู้จักมาจนถึงปัจจุบัน
และที่มาของชื่อถ้ำเสือ เพราะบริเวณถ้ำเคยเป็นที่อาศัยของเสือโคร่งจำนวนมากมาก่อนนั้นเอง
เมื่อทราบประวัติของวัดคร่าวๆ กันไปแล้ว… เรากลับมาชมวิว ซึบซับบรรยากาศยามเย็นบนยอดเขาของวัดถ้ำเสือแห่งนี้กันต่อดีกว่า!
แสงของพระอาทิตย์เริ่มอ่อนลง… นักท่องเที่ยวหลายท่านเลือกที่จะเดินกลับลงไปในช่วงเวลานี้เพื่อความปลอดภัย และมองทางได้อย่างชัดเจน! ส่วนผมกับแก๊งชาวต่างชาติอีกหนึ่งกลุ่ม ขอเลือกที่จะนั่งดื่มด่ำบรรยากาศจนกว่าพระอาทิตย์จะลับขอบฟ้า…
ภาพทิวเขาของกระบี่งดงามไม่เป็นรองใคร!! มีเพียงกล้องมือถือทั่วไป เพื่อนๆ ก็สามารถเก็บภาพบรรยากาศสวยๆ จากบนยอดเขาแห่งนี้ได้แล้ว
แสงแดดยามเย็นค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีส้มอ่อน
ดวงอาทิตย์คล้อยต่ำ ผ่านภูเขาน้อยใหญ่ของกระบี่… ด้วยมนต์เสน่ห์ของธรรมชาติอันงดงาม จึงไม่แปลกที่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติต่างอยากจะมาสัมผัสมันด้วยตัวเองสักครั้ง (คนไทยจะรออะไรละครัช!!)
และแล้วดวงอาทิตย์ก็ลับขอบฟ้าไปอย่างงดงาม…
ได้เวลาใส่เกียร์! เดินลงกันให้ไวเลยจ้า… สำหรับเพื่อนๆ ที่ต้องการมาสัมผัสบรรยากาศสวยๆ ด้วยตัวเอง เถลไถลมีข้อแนะนำให้ดังนี้ครับ
- ให้มา 2ช่วงเวลาคือ เช้ามืด เพื่อรอชมพระอาทิตย์ขึ้น และเย็น เพื่อรอชมพระอาทิตย์ตก
- เวลาที่ใช้เดินขึ้นประมาณ 45นาที – 1ชั่วโมงครึ่ง
- ไม่มีไฟทางเดิน ต้องเตรียมไฟฉาย หรือมือถือมาเอง
- รองเท้าดีมีชัยไปกว่าครึ่ง
- พกน้ำดื่มติดตัวไปสักขวด ช่วยได้เยอะ
- เส้นทางกดตาม Google Map ด้านล่างโรดดด!!
:: Google Map ::