วัดร่องเสือเต้น (Wat Rong Seur Ten) หรือที่ชาวต่างชาติเรียกกันสั้นๆ ว่า Blue Temple เป็นอีกหนึ่งสถานที่แสดงงานศิลป์ไทย ของจังหวัดเชียงราย โดยศิลปินเลือกถ่ายทอดความวิจิตรนี้ผ่านงานประติมากรรม และสถาปัตยกรรมวัดไทย
โทนสีน้ำเงิน สีที่พวกเราไม่คิดว่าจะถูกใช้เป็นสีหลักในการสร้างวัด… แต่สำหรับที่นี่นั้น! ได้ถูกนำมาสร้างสรรค์ผลงานภายในวัดเกือบทั้งหมด ซึ่งทำให้เกิดความโดดเด่น แตกต่าง และเป็นที่จดจำของนักท่องเที่ยวได้อย่างง่ายดาย
พระอุโบสถ หรือโบสถ์ ถูกรองพื้นด้วยสีน้ำเงิน ตัดกับงานปั้นลายกนกประยุกต์สีทอง มีความพลิ้วไหว แต่แฝงไปด้วยดุดัน ที่ยังคงกลิ่นอายความเป็นลานนาไว้ได้อยู่
เข้าไปชมด้านในโบสถ์ ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปสีขาวมุกกันต่อเลยดีกว่า… พระพุทธรัชมงคลบดีตรีโลกนาถ คือนามของพระประธานองค์นี้ เป็นพระพุทธศิลป์สมัยเชียงแสนที่หนึ่ง หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า… พระเชียงแสนสิงห์หนึ่ง
นอกจากความสวยงามแล้ว พระประธานองค์นี้ยังมีความพิเศษอีก 2อย่างด้วยกัน คือ บริเวณพระเศียรมีพระบรมสารีริกธาตุ ที่ได้รับพระราชทานจากสมเด็จพระสังฆราชฯ บรรจุไว้อยู่… ส่วนบริเวณฐานขององค์พระมีพระรอดลำพูน 88,000องค์ พร้อมกับแก้วแหวนเงินทองถูกบรรจุไว้อีกเช่นกัน
มาต่อกันที่บริเวณด้านหลังของโบสถ์ ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปางห้ามญาติสีขาวมุก
ถัดมาใกล้ๆ กันเป็นที่ประดิษฐานพระธาตุเกศแก้วจุฬามณีห้าพระองค์ และพระสีวลี โดยตัวพระธาตุฯ นั้น… มีพระบรมสารีริกธาตุ ที่ได้รับพระราชทานจากสมเด็จพระสังฆราชฯ บรรจุไว้อยู่อีกเช่นกัน
ถ้าเพื่อนๆ สังเกตจะพบว่า… ทั่วบริเวณวัดร่องเสือเต้น จะมีงานศิลป์ งานประติมากรรมอันงดงามให้พวกเราได้ชื่นชมตลอดเวลาที่อยู่ในวัด
โดยเฉพาะสัตย์ในวรรคดีไทย ที่มีความเท่ และความงดงามเหมือนมันมีชีวิตอยู่จริงๆ
รวมถึงเทพองค์ต่างๆ ที่ศิลปินได้เก็บรายละเอียดลวดลายครบทุกเม็ด ใส่ใจแม้กระทั่งการลงสีแบบเล่นเงาเพื่อให้มีมิติเสมือนจริงเข้าไปอีก…
มาถึงจุดที่ผมชอบมากที่สุด… พระอุปคุตปางจกบาตร สีขาวมุก ซึ่งประดิษฐานอยู่กลางวงเวียนน้ำพุหน้าโบสถ์ โดยปกติพระพุทธรูปปางจกบาตรสวยๆ ก็หาชมกันได้ยากอยู่แล้ว… และยิ่งองค์นี้ ที่มีความอ่อนโยน พลิ้วไหว แถมนั่งอยู่บนบัวน้ำเท่ๆ แบบนี้! ผมยกให้เป็นปางจกบาตรที่งดงามสุดตั้งแต่ที่ผมเคยเจอมาเลยครับ
งานศิลป์ชิ้นสุดท้าย และมีขนาดใหญ่สุดของวันนี้คือ เสาประตูวัด! ที่ถูกรังสรรค์ขึ้นให้อยู่ในรูปแบบเทพองค์ใหญ่ ที่มีหางเป็นพญานาค และบริเวณฐานของเทพทั้งสององค์ยังมีลักษณ์เป็นเหมือนบ่อศักดิ์สิทธิ์อีกด้วย
สำหรับสายถ่ายรูป… แน่นอนว่าภายในวัดยังมีมุมให้เพื่อนๆ ได้ส่องกันอีกเยอะ! อย่างเช่นแนวนี้… ถ่ายผ่านลูกแก้วมีอยู่รอบตัวโบสถ์
ชมความงดงามกันมาถึงจุดนี้ เพื่อนๆ คงมีคำถามในใจอยู่เยอะ… ฝีมือใคร? ทำไมคล้ายกับวันร่องขุ่น? สร้างเสร็จแล้วหรอ? วัดร่องเสือเต้น ณ ตอนนี้ยังมีการสร้างต่อเติมอยู่เรื่อยๆ แต่จุดหลักของวัดเช่น โบสถ์ พระธาตุเจดีย์ถูกสร้างเสร็จสมบูรณ์แล้วตามที่เพื่อนๆ ได้เห็นความสวยงามไปข้างต้นครับ
นายพุทธา กาบแก้ว หรือสล่านก ศิลปินผู้จิตนาการ และเนตรมิตรงานศิลป์ภายในวัดร่องเสือเต้น จ.เชียงรายแห่งนี้ขึ้นมา… ซึ่งเขาเป็นลูกศิษย์ของ อ.เฉลิมชัย ที่ร่วมสร้างงานศิลป์ภายในวัดร่องขุ่น วัดที่มีความงดงามสุดของเชียงรายมาแล้ว
และด้วยความที่จังหวัดเชียงราย เป็นแหล่งรวมศิลปินระดับอาจารย์ไว้หลายท่านด้วยกัน… จึงไม่แปลกที่นายสล่านก จะศึกษาผลงานจากอาจารย์หลายๆ และนำมาปรับใช้ ไม่ว่าจะเป็น อ.เฉลิมชัย แห่งวัดร่องขุ่น หรืออ.ถวัลย์ แห่งบ้านดำ เชียงราย จนทำให้ผลงานของเขานั้นออกมามีชีวิต วิจิตรงดงาม เข้าขั้นอาจารย์ไปอีกหนึ่งคน… ถ้าเพื่อนๆ มีโอกาสมาเที่ยวเชียงรายต้องแวะมาสัมผัสความสวยงามด้วยตัวเองให้ได้น้า…
Google Map / แผนที่